วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การนวดไทยมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล

การนวดไทยมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่ประเทศอินเดีย บรมครูชีวกโกมารภัจจ์ เป็นทั้งหมอยา หมอรักษา และหมอนวดประจำตัวพระพุทธเจ้า ได้รับการถ่ายทอดวิชาการนวดจากพระฤาษี ที่เป็นบรมครูนวด ชื่อพระฤาษีสมิทธิ เมือพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ผ่านมาทางประเทศจีน และเข้ามาสู่เมืองไทยโดยการนำของพระสงฆ์ หลักฐานการนวดที่เก่าแก่ที่สุดคือ ศิลาจารึก ที่ขุดพบที่ป่ามะม่วง ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงเมื่อถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช การแพทย์แผนไทยรุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนวดไทย จนมีปรากฎในทำเนียบศักดินาข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน ที่ตราขึ้นในปี พ.ศ.1998 โปรดให้แต่งตั้งกรมหมอนวด ให้บรรดาศักดิ์เป็นปลัดฝ่ายขวา มีศักดินา 300 ไร่ ฝ่ายซ้ายมีศักดินา 400 ไร่ หลักฐานจากจดหมายเหตุราชฑูตลาลูแบร์ ประเทศฝรั่งเศส ในบันทึกเรื่องหมอนวดในแผ่นดินสยาม มีความว่า..."ในกรุงสยามนั้น ถ้ามีใครป่วยไข้ลง ก็จะเริ่มทำเส้นสายยืด โดยผู้ชำนาญทางนี้ ขึ้นไปบนร่างกายคนไข้แล้วใช้เท้าเหยียบ"....



   ในสมัยรัตนโกสินทร์ การแพทย์แผนไทยได้สืบทอดมาจากสมัยอยุธยา แต่เอกสารและวิชาความรู้บางส่วนสูญหายไปในภาวะสงคราม ทั้งยังถูกจับเป็นเชลยส่วนหนึ่ง เหลือหมอพระตามหัวเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงโปรดให้ระดมปั้นรูป ฤาษีดัดตน 80 ท่า และจารึกสรรพวิชาการนวดไทยบ ลงบนแผ่นหินอ่อน 60 ภาพ แสดงถึงจุดนวดอย่างละเอียด ประดับบนผนังศาลาราย และบนเสา ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ต่อมาใน พ.ศ.2397 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลักฐานการแบ่งส่วนราชการ ยังมีกรมหมอนวดเช่นเดียวกับสมัยอยุธยา และทรงโปรดให้หมอยา หมอนวด ถวายการรักษาความเจ็บป่วยยามทรงพระประชวร แม้เสด็จประพาสแห่งใด ต้องมีหมอนวดถวายงานทุกครั้ง



ปัจจุบันการนวดไทยจำแนกได้ 2 แบบ ดังนี้

1.การ นวดแผนไทยแบบราชสำนัก หมายถึงการนวดที่ถวายพระมหากษัตริย์ และเจ้านายชั้นสูงในราชสำนัก การนวดแบบราชสำนักพิจารณาคุณสมบัติของผู้เรียน อย่างประณีตถี่ถ้วน และการสอนมีขั้นตอนจรรยามารยาทของการนวด ต้องสุภาพมาก ใช้อวัยวะได้น้อย และต้องตรงตามจุด ต้องฝึกสมาธิ ฝึกมือ  เป็นการนวดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ต้องเรียนรู้เรื่องสรีระของร่างกาย แนวทางเดินของเส้น การวินิจฉัยอาการต่างๆ ที่เป็นหัวใจของการนวดคือ เรื่องของเส้นประธานสิบ และธาตุทั้งสี่ การนวดแบบราชสำนัก เป็นกระบวนการดูแลสุขภาพ บำบัดความผิดปกติเพื่อรักษาความเจ็บป่วย

2.การ นวดแบบเชลยสัก หมายถึง การนวดแบบสามัญชน ที่มีการสืบทอดฝึกฝน ตามแบบแผนของวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือพวกเชลยที่ต้องทำงานหนัก ซึ่งเหมาะสำหรับชาวบ้านจะนวดกันเอง โดยใช้มือและอวัยวะส่วนอื่นๆ เข้ามาร่วม เช่น เท้า เข้า ศอก นับเป็นที่รู้จักแพร่หลายในสังคมไทย

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เคล็ดลับการเที่ยวอาบอบนวดที่ทำให้หนุ่มๆนักเที่ยวมีความสุข



   ถ้าจะมาพูดกันถึงเรื่องของสถานบริการอาบอบนวด หรือโรงนวดนั้น เป็นสถานบริการประเภทหนึ่ง ที่มีพนักงานสาวสวยเอาไว้คอยนวดให้ลูกค้า โดยอาบอบนวดที่แท้จริงนั้น จะไม่มีการเปิดขายบริการทางเพศ เพราะจะกลายเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ สหรัฐอเมริกา ประเทศไทย ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศเกาหลีใต้ และในอีกหลายๆประเทศ แต่สุดท้ายแล้ว การขายบริการทางเพศในอาบอบนวดนั้นก็เกิดขึ้นมาเกือบทุกที่ และเพื่อเป็นการเข้าไปใช้บริการเพื่อความผ่อนคลายของหนุ่มๆนักเที่ยวทั้งหลาย ผมจึงมีเคล็ดลับที่เสาะหามาจากมาม่าซังในสถานบริการแห่งหนึ่งมาบอกกัน

 

   อันดับแรกเลยของการเข้าไปใช้บริการอาบอบนวดนั่นก็คือ วิธีการเลือกเด็ก จะต้องเลือกเด็กที่มองมาที่เราและก็ยิ้มให้กับเรา เพราะนั่นแสดงว่าน้องเขาชอบเรา และพร้อมที่จะบริการเรา เรื่องที่สองนั้นก็คือการให้ทิป การให้ทิปเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากนะ เพราะบริการดีหรือไม่ดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับทิปที่เราควักให้สาวๆด้วย มีการบอกต่อให้กับเพื่อนๆได้รู้ด้วยว่า แขกคนไหนมีใจขนาดไหน การไปถึงสถานที่ก่อนใครนั้นก็ทำให้ได้เปรียบเป็นอย่างมาก เพราะน้องๆเขายังมีความพร้อมแบบเต็มร้อย อีกทั้งเรานั้นก็ไม่ควรที่จะไปถามนู่นถามนี่ เช่น เรียนที่ไหน คนที่ไหน อายุเท่าไหร่ ทำไมมาทำงาน ซึ่งก็รู้ๆกันดีอยู่แล้วว่าไม่มีทางที่จะได้ความจริงอย่างแน่นอน และที่สำคัญเลยคือต้องระวังโรค เพราะถึงแม้ว่าเรานั้นจะสวมใส่ถุงยางแล้วก็ตาม แต่เชื้อ HIV นั้นสามารถติดต่อกันจากทางปากได้เช่นกัน อีกเรื่องที่สำคัญก็คือ อย่าถามว่าน้องเขาเสร็จไหม เพราะน้องๆเขาทำงานวันนึงตั้งกี่รอบ จะให้มาเสร็จทุกรอบก็แย่กันพอดี แค่เราจ่ายเงินค่ารอบให้น้องเขา น้องเขาก็พร้อมจะบริการให้เรามีความสุขแล้วล่ะ



  เพียงเท่านี้หนุ่มๆคนไหนที่ต้องการอยากจะเข้าไปใช้บริการอาบอบนวดนั้น ก็สามารถเข้าไปใช้บริการกันได้อย่างถูกต้อง และไม่ผิดพลาดอีกต่อไป เพื่อให้หนุ่มขี้เหงาทั้งหลายนั้นได้เข้าไปใช้บริการได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปแล้วมานั่งคิดว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่า และถ้าเพื่อนๆคนไหนยังมีข้อข้องใจอยากจะถามปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องของ อาบอบนวดเพิ่มเติมอีกก็ให้สอบถามมาได้เลยนะครับ ผมจะรอตอบคำถามอยู่